ปลาตะเพียนขาว...วับวาวสีเงิน
ภาพจากกรมประมง
ปลาตะเพียน (ปลาตะเพียนขาว)
ชื่อสามัญ : Common Silver Barb
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Barbodes gonionotus
ข้อมูลกรมประมง
ปลาตะเพียน
ชื่อสามัญอังกฤษ Java Barb, Silver Barb
ชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Barbonymus gonionotus
อยู่ในวงศ์ปลาตะเพียน Cyprinidae
วงศ์ย่อย Cyprininae
จากวิกิพีเดีย
ปลาตะเพียนในตู้เลี้ยงปลารวมกับปลาตะเพียนทอง
ยังมองเห็นหางปลาตะเพียนทอง ไหว ไหว
ปลาตะเพียน
เป็นปลาน้ำจืดคู่บ้านคู่เมือง เป็นที่รู้จักดีและอยู่ในวิถีชีวิตความเป็นอยู่มาแต่โบราณตั้งแต่สมัยสุโขทัย
โดย
เฉพาะในสมัยกรุงศรีอยุธยาในรัชสมัยสมเด็จพระสรรเพชญ์ที่ 9
ทรงเป็นพระราชโอรสองค์โตในสมเด็จพระเจ้าเสือ ขึ้นครองราชย์ใน ปี พ.ศ. 2251-
2275 ภายหลังการสวรรคตของพระราชบิดา มีพระนามว่าสมเด็จพระภูมินทรมหาราชา
โดยพระนามที่เป็นที่รู้จักกัน คือ พระเจ้าอยู่หัวท้ายสระ
สมเด็จพระที่นั่งท้ายสระ มาจากนามพระที่นั่งบรรยงก์รัตนาสน์ ซึ่งพระองค์ใช้เป็นประทับอันอยู่ข้างสระน้ำท้ายพระบรมมหาราชวัง
และยังทรงมีพระนามอื่นที่เกี่ยวกับปลาคือขุนหลวงทรงปลา
ทรง
เป็นกษัตริย์ที่โปรดเสวยปลาตะเพียนมาก
โดยออกพระราชกำหนดห้ามราษฎรจับหรือรับประทานปลาตะเพียน หากผู้ใดฝ่าฝืน
มีบทลงโทษคือ ปรับเป็นเงิน 5 ตำลึง หรือ 20 บาท
( ข้อมูลจากวิกิพีเดีย )
ปลาตะเพียนทองอ้าปากประท้วงว่า คราวนี้ถ่ายรูปแต่ปลาตะเพียนเงินเหรอ แล้วพวกฉันล่ะ ไม่มีความหมายรึไงกัน
ลักษณะทัวไป
ปลาตะเพียนมีรูปร่างเหมือนปลาในตระกูลปลาตะเพียนทั่วไป
มี
ลำตัวค่อนข้างอ้วนป้อมแบนข้าง เกล็ดใหญ่ หัวเล็ก ปากเล็กอยู่หน้าสุด
ลักษณะแตกต่างจากปลาที่อยู่ในสกุลเดียวกัน
คือตะเพียนขาวมีก้านครีบอ่อนของครีบก้นจำนวน 6 ก้าน ส่วนชนิดอื่น ๆ มี 5
ก้าน สีของลำตัวเป็นสีเขียวอมฟ้า ด้านหลังมีสีน้ำตาลปนเทา ท้องสีขาวเงิน
ครีบก้นสีเหลืองปนส้ม ครีบอื่นๆ สีซีดจาง
เป็นปลาที่ปราดเปรียวว่ายน้ำได้รวดเร็วเร็ว เมื่อตกใจจะกระโดดสูงมาก
นิสัย
รับ
สงบ ชอบอยู่รวมกันเป็นฝูงนอกจากเวลาสืบพันธุ์หรือวางไข่
มีความว่องไวปราดเปรียว ชอบหลบซ่อนตามแม่น้ำ ลำคลอง หนอง
บึงที่มีกระแสน้ำไหลอ่อน ๆ หรือน้ำนิ่ง
เป็นปลาที่สามารถปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมต่าง ๆ ได้ดี
สามารถนำมาเลี้ยงและเพาะพันธุ์ได้ง่าย
ถิ่นอาศัย
พบชุกชุมในทุกแหล่งน้ำทุกภาคของไทย ยกเว้นแม่น้ำสาละวิน พบในแหล่งน้ำไหล และน้ำนิ่งในภาคกลาง ภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
อาหาร
กินพืช เมล็ดพืชตระกูลหญ้าโดยเฉพาะข้าว สาหร่าย ตะไคร่น้ำ ซากพืชซากสัตว์ แพลงตอน สัตว์หน้าดิน แมลง ไรน้ำ
ภาพไม่ชัดแต่พอมองเห็นความแตกต่างของปลาตะเพียนขาว ( ตะเพียนเงิน) และปลาตะเพียนทอง
ปลาทั้งสองชนิดนี้ว่ายน้ำปราดเปรียวว่องไวมาก
เป็น
ปลาเศรษฐกิจที่กรมประมงส่งเสริมให้เลี้ยง
มีการเลี้ยงปลาชนิดนี้ในประเทศมานานกว่า 30 ปี
และถูกนำพันธุ์ไปเลี้ยงยังต่างประเทศ เช่น มาเลเซีย, บอร์เนียว,
อินโดนีเซีย แม้ว่าในประเทศเหล่านี้จะมีปลาชนิดนี้อยู่ในธรรมชาติแล้วก็ตาม
ประโยชน์
เนื้อ
ใช้ประกอบอาหารได้หลายชนิด เช่น เช่น ตะเพียนต้มเค็ม ปลาส้ม
นับว่าเป็นตำรับที่มีชื่อมากของปลาตะเพียนขาว แม้จะเป็นปลาที่มีก้างมาก
และยังนิยมนำไปทำเป็น ปลาร้า ปลาเจ่า ปลารมควั รวมทั้งใส่เกลือตากแห้ง
นอก
จากนี้ยังนิยมเลี้ยงเป็นปลาสวยงามอีกด้วย
โดยเฉพาะตัวที่เป็นปลาเผือกซึ่งเรียกกันว่า "ปลาตะเพียนอินโด"
นิยมเลี้ยงเพื่อใช้ประโยชน์เก็บกินเศษอาหารที่ปลาใหญ่กินเหลือหรือเก็บ
ตะไคร่น้ำและปรสิตในตู้
ภาพจากอินเทอร์เนท
ปลาตะเพียนตัวนี้อ้าปากเสียแล้ว ก็แปลว่าสิ้นลมปลาไปแล้ว
ปลา
ตะเพียนขาวเป็นปลาที่คุ้นเคยกับครัวบ้านพลอยโพยมมากที่สุดในบรรดาปลาวงศ์ปลา
ตะเพียน เป็นปลาที่เข้ามาอยู่ในซั้งมากมีหลายขนาด
เมื่อจัดการแบ่งสรรให้คนอื่นไปแล้ว
ก็มาถึงมือแม่ละม่อมดำเนินการทำปลาตะเพียนต้มเค็มสูตรของชาวบางกรูด
ขอดเกล็ดทิ้ง บ้านพลอยโพยมไม่กินเกล็ดปลาทุกชนิด
มีหลงมาไม่กี่เกล็ดก็บ่นแล้วว่าทำปลามาไม่ดี
(โดยไม่ใช่ฝีมือแม่ละม่อมแน่นอน)
ยิ่งเครื่องในปลาทุกชนิดควักออกหมดรวมทั้งไข่ปลา
ที่บ้านพลอยโพยมกินไข่ปลาช่อนชนิดเดียว ชนิดอื่นทิ้งหมด
เล่าไปเล่ามาก็อย่าว่ากัน นานาจิตตัง นั่นเอง
ถ้าปลาตะเพียนตัวใหญ่มาก
ต้องแบ่งครึ่งตัว เพราะตักปลาขึ้นมาจากหม้อแล้วตัวปลาเลยล้นจาน
ถ้าใส่จานได้ทั้งตัวก็ไม่ต้องแบ่ง
บั้งปลาให้เวลาต้มน้ำที่ปรุงรสเข้าไปในเนื้อปลาได้ทั่ว
เมื่อเปิดดู
ในอินเทอร์เนทแล้ว
เห็นแต่ละสูตรมีเครื่องเคราเป็นเครื่องปรุงมากมายใส่พริกไทยก็มี
มีเครื่องเคียงเวลาเสริฟต้องประดับประดาสวยงาม ขอดเกล็ดบ้างไม่ขอดเกล็ดบ้าง
เอาไปทอดก่อนบ้าง ผัดเครื่องปรุงก่อนบ้าง ใส่หมูสามชั้นบ้าง
บางตำราใส่ดินประสิว (แม้จะสามสี่เกล็ด) บ้างเพื่อให้เปื่อยยุ่ย
หรือใส่มะละกอดิบหั่นเพื่ออาศัยยางมะละกอช่วยให้เนื้อปลาเปื่อยบ้าง
(แล้วตักออกทีหลัง)
และหลายสูตรใส่ส้มมะขามเพื่อให้มีสามรสคือเปรียวเค็มหวาน
แต่ละคนก็เป็นสูตรโบราณตามท้องถิ่นบ้านของตนเอง
ปลาตะเพียนขาวจากเรือผีหลอก
ซึ่งเพิ่งตายไม่นานยังมองเห็นลูกตาของ ป.ปลาตากลม สดใสอยู่
ที่บางกรูดไม่มีความยุ่งยากขนาดนั้น
ปลา
ต้มเค็มก็คือมีรสหวานและเค็มเท่านั้น
ต้มก็คือต้มไม่มีการทอดไม่มีการผัดเครื่องปรุง
ปลาก็คือปลาไม่ต้องมีการใส่เนื้อชนิดอื่น ไม่ต้องต้มน้ำซุบ
เรื่องนี้เป็นเรื่องของนานาจิตตัง ตามใจชอบคนกิน จริง ๆ
ปลา
ตะเพียนต้มเค็มที่บ้านไม่กินเนื้อเปื่อยยุ่ย ตรงกันข้ามเราชอบกินเนื้อแข็ง ๆ
ได้จากการต้มปลาตะเพียนต้มเค็มนานหลายชั่วโมง
เราจะกินกันวันที่สองสำหรับคนที่อดใจไม่อยู่
แต่ตัวพลอยโพยมชอบกินวันที่สามสี่ ห้า...
เราต้มเค็มด้วยรสหวานเค็มเพียงสองอย่างเท่านั้น วันแรกก็ต้มไฟแรงก่อน
ใส่น้ำประมาณว่าท่วมตัวปลาอย่างเผื่อไว้เยอะ ๆ
(ต้มน้ำเดือดเต็มที่ก่อนจึงใส่ปลาลงไปในหม้อ) จนปลาสุกดี
ใส่น้ำปลาและน้ำตาลทรายแล้วราไฟเหลือแค่เดือดปุด ๆ ช้า ๆ
ชิมรสว่าถูกใจคนทำและสมาชิกในบ้านดีแล้ว
ต้มต่อจนน้ำงวดท่วมหลังตัวปลาขลุกขลิก พักยกที่หนึ่งของวันแรกเพียงแค่นี้
วันที่สองใช้ไฟอ่อนต้มต่อให้น้ำงวดลงไปอีก ใครอยากกินก็ตักไปกินก่อน
มีอ้อยยก็ใส่อ้อยรองก้นหม้อ ไม่มีก็ไม่ต้องใส่ให้ต้องเดือดร้อนใจไปหามา
เพราะเราใส่น้ำไว้เยอะพอที่จะไม่มีการติดก้นหม้ออยู่แล้ว
และเราก็ใช้น้ำตาลทรายที่ทำมาจากอ้อยอยู่แล้วไม่ได้ใช้น้ำตาลปี๊บ
พอ
วันที่สามที่สี่ปลาตัวที่อยู่ข้างล่างหลังจากมีคนตักปลาตัวบนออกไปกินก่อน
หน้าแล้ว เนื้อปลาก็ชุ่มอาบอิ่มด้วยน้ำที่ปรุงรส
หลังจากเอามาต้มอุ่นเนื้อปลาตัวบนจะถูกไฟร้อนแผดเผาเนื้อ
เนื้อปลาจะแห้งและค่อนข้างแข็ง
เพราะน้ำปรุงรสที่เข้าไปอยู่ในเนื้อปลาถูกไล่เอาน้ำออกไปอีก
ส่วนปลาตัวล่างที่ยังพอมีน้ำชุ่มก็ซึมน้ำปรุงเข้าไปอีก
พอวันถัดมาก็จะกลายมาเป็นปลาตัวบนสุด
ปลาต้มเค็มบ้านพลอยโพยมหม้อใหญ่
และกินได้เป็นสัปดาห์ด้วยวิธีนี้ยิ่งวันท้าย ๆ
เนื้อปลาก็จะแข็งและรสชาติเข้มข้นขึ้นเรื่อย ๆ จนหมดตัวสุดท้ายของหม้อ
ตัวนี้ก็จะอร่อยที่สุด
การอุ่นเดือดใช้วิธียกหูหิ้วหม้อขยับซ้ายขวาไม่ให้เนื้อปลาติดก้นหม้อและ
ไหม้
ส่วนก้างปลานั้น ก้างปลาตะเพียนจะมีลักษณะเป็น ตัว Y
ถึงจะมีมากมายแต่ก็เอาออกได้ไม่ยาก
ยิ่งกินปลาตัวใหญ่ก็ยิ่งก้างใหญ่และยาวตามไปด้วย น่าจะกินง่ายกว่า ปลาหมอ
หรือปลาอื่น ๆ ที่มีก้างเยอะ แต่เมื่อไม่ได้ทำให้ก้างยุ่ย
ก็ต้องระมัดระวังที่จะกินปลาตะเพียนต้มเค็มให้ปลอดภัย
ตรงที่ปลอดภัยสำหรับเด็ก ๆ
คือท้องปลาหรือพุงปลาเพราะก้างใหญ่แข็งมากเห็นชัดดึงออกง่ายไม่มีก้างเล็ก ๆ
รวมทั้งบริเวณส่วนกลางลำตัวเป็นก้างตัว y แต่ ชิ้นใหญ่
ที่บริเวณคอปลาลงมาถึงพุงมีก้างเล็กปนอยู่มากกว่ากลางลำตัวแต่เนื้อปลาจะ
แข็งอร่อยกว่าส่วนหางปลา ที่อันตรายของเด็ก ๆ
คือหางปลาเพราะมีก้างเล็กมากกว่าส่วนอื่นและเนื้อปลาไม่ค่อยแข็ง
เป็นเมนูเดียวที่บ้านของพลอยโพยมในการกินปลาตะเพียน
เกล็ด
ปลาตะเพียนจะบางและใส ยิ่งปลาตะเพียนตัวใหญ่ เกล็ดก็จะใหญ่ตามไปด้วย
สมัยเด็ก ๆ จึงมีวิชางานประดิษฐ์เอาเกล็ดปลาตะเพียนไปย้อมสีต่าง ๆ
ประดิษฐ์เป็นดอกไม้เกล็ดปลา ส่งคุณครู
เด็ก ๆ ต้องระวังเกล็ดปลาที่บางนี้ ถ้าเด็กไม่ระวังเกล็ดปลาติดที่ผิวเนื้อหลาย ๆ วัน เกล็ดปลาจะแนบกับเนื้อมาก เอาออกยาก
ปลาตะเพียนขาวมีขายในตลาดเช้า
โดยการใส่นำแข็งโรยบนตัวปลาไว้ สาย ๆ ก็ขายหมดแล้วทุกวัน
ปลา
ในวงศ์ปลาตะเพียน นอกจากปลาตะเพียนขาว (ตะเพียนเงิน) ปลาตะเพียนทอง
ปลากระแห (กระแหทอง) แล้ว ยังมีปลากระมัง ปลากระสูบขีด ปลาแก้มช้ำ
ปลาตะพาก ปลาตะเพียนทราย ปลาตะโกก ปลาบ้า (ปลาพวง) ปลาหนามหลัง
ปลาหางไหม้
ยังมีปลาชื่อปลาตะเพียนน้ำเค็มอีกชนิด
พลอยโพยมไม่แน่ใจว่าเป็นปลาวงศ์ปลาตะเพียนหรือไม่
หรือเพียงมีรูปร่างคล้ายปลาตะเพียนน้ำจืด
พบในน้ำกร่อยจึงเรียกชื่อเป็นปลาตะเพียนน้ำเค็ม
ข้อมูลปลาตะเพียนน้ำเค็มมีดังนี้
ชื่อสามัญ ตะเพียนน้ำเค็ม มักคา โคก
ชื่อสามัญภาษาอังกฤษ CHACUNDA GIZZARD-SHAD
ชื่อวิทยาศาสตร์ Anodontostoma chacunda
ลักษณะทั่วไป
เป็น
ปลาน้ำกร่อยที่มีรูปร่างคล้ายปลาตะเพียนน้ำจืด
ลำตัวป้อมสั้นจะงอยปากสั้นทู่ตามีเยื่อไขมันหุ้ม ปากเล็ก
ท้องแบนเป็นสันคมซึ่งเกิดขึ้นเพราะการเปลี่ยนรูปของเกล็ดไปทำหน้าที่ในการ
ป้องกันตัว ครีบหางเว้าลึก ครีบอื่น ๆ มีขนาดเล็ก
สีของลำตัวด้านหลังมีสีดำปนเทา ทางด้านท้องสีขาวเงิน
หลังช่องเปิดเหงือกมีจุดสีดำข้างละจุด
ถิ่นอาศัย-อยู่รวมกันเป็นฝูง หากินตามพื้นหน้าดินตามชายฝั่งและบริเวณปากแม่น้ำ พบทั่วไปในอ่าวไทย
อาหาร-กินซากสัตว์และพืชเน่าเปื่อย
ขนาด-ความยาวประมาณ 14-20 ซ.ม.
ประโยชน์-เนื้อมีรสอร่อยแต่มีก้างฝอยมาก
พลอยโพยมไม่เคยพบปลาชนิดนี้
ที่มาของข้อมูล กรมประมง และวิกิพีเดีย
หมายเหตุ
พระที่นั่งบรรยงค์รัตนาสน์
จากคำให้การขุนหลวงหาวัดว่าเป็นพระที่นั่งกลางสระ มีทางให้น้ำออกน้ำเข้าเชื่อมกับคลองท่อ ปล่อยลงสู่แม่น้ำลพบุรีทางด้านเหนือของวัง
พระ
ที่นั่งบรรยงค์รัตนาสน์นี้ เป็นที่ทรงโปรดของพระเจ้าอยู่หัวท้ายสระ
อันเป็นที่มาของพระนาม เนื่องจากทรงโปรดการประพาสตกปลาตะเพียน
และเสวยปลาชนิดนี้เป็นประจำ
ที่มาของข้อมูล http://www.bloggang.com/viewblog.php?id=patisonii&date=09-11-2010&group=12&gblog=1